รัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความไม่มั่นคงในการอยู่อาศัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงการคลัง ร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยให้การเคหะแห่งชาติจัดสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ด้อยโอกาสกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงข้าราชการชั้นผู้น้อย และพนักงานหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้ได้เช่าซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่สามารถรับภาระได้
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในการใช้บริการด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากที่สุดของประเทศ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการเริ่มต้นจากการมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม และไม่สร้างภาระที่มากเกินขีดความสามารถในการหารายได้ของประชาชน สร้างโอกาสมีบ้านเป็นของตนเองให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย จึงได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ด้วยการให้การสนับสนุนด้านสินเชื่อแก่ผู้ได้รับสิทธิเช่าซื้อบ้าน ในโครงการบ้านเอื้ออาทรจากการคัดสรรของการเคหะแห่งชาติ
นับตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทร ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ได้รับสิทธิไปแล้วกว่า 39,540 ราย และจะยังคงให้การสนับสนุนต่อไปเพื่อช่วยเสริมสร้างรากฐานด้านที่อยู่อาศัยที่มั่นคงให้ประชาชน สร้างเสริมโครงสร้างทางสังคมให้เข็มแข็ง ตามพันธะกิจของธนาคารที่ได้ให้ไว้ต่อสังคม“ให้บริการทางการเงิน ด้านที่อยู่อาศัยอย่างครบวงจร โดยคำนึงถึงนโยบายภาครัฐประโยชน์ของสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน”
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปที่สนใจจะเช่าซื้อบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทร ต้องยื่นแบบจองสิทธิต่อการเคหะแห่งชาติก่อน หรือการเคหะพื้นที่ โดยสามารถสอบถามรายละเอียด ดูแบบบ้านและที่ตั้งโครงการได้ที่ www. nhanet.or.th หรือโทร call center 1615 กด 2 หรือกองบริหารการขาย การเคหะแห่งชาติ โทรศัพท์ 0-2351-6928 , 0-2351-6816 เมื่อได้รับสิทธิเช่าซื้อแล้ว การเคหะแห่งชาติจึงจัดส่งให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ดำเนินการในขั้นตอนการกู้เงินเพื่อเช่าซื้อโครงการบ้านเอื้ออาทร ต่อไป
คุณสมบัติ : หลักฐาน : เงื่อนไข ของผู้จองสิทธิตามเกณฑ์ของการเคหะแห่งชาติ
- มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะและไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
- มีรายได้ครอบครัวไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน
- ไม่มีบ้านพร้อมที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง
- ไม่เป็นคู่สัญญาเช่าซื้อกับการเคหะแห่งชาติ และหากเป็นคู่สัญญาเช่าจะต้องคืนอาคารเช่า เมื่อได้สิทธิเช่าซื้อบ้านเอื้ออาทร
- ผู้ที่เคยได้สิทธิเช่าซื้ออาคารของการเคหะแห่งชาติ และโอนสิทธินั้นให้ผู้อื่นไปแล้ว ไม่สามารถจองสิทธิได้
- ต้องมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่ตั้งโครงการอย่างน้อย 6 เดือน หากมีภูมิลำเนาอยู่ต่างถิ่นต้องมีหลักฐานแสดงว่าประกอบอาชีพอยู่ในจังหวัดหรือพื้นที่ที่ตั้งโครงการอย่างน้อย 6 เดือน
- ผู้ที่ประสบปัญหาเดือดร้อนจากกรณีถูกไฟไหม้ หรือถูกไล่ที่ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี จะพิจารณาให้สิทธิไม่เกินร้อยละ 20 ของแต่ละโครงการ
- ให้สิทธิจองอาคารได้ครอบครัวละ 1 หน่วยและ 1 โครงการเท่านั้น หากจองเกินจะถูกตัดสิทธิทุกโครงการ
- สามารถรับภาระและเงื่อนไขการเช่าซื้อได้โดยผ่านเกณฑ์การพิจารณาจากการเคหะแห่งชาติ
- บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการ หรือบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ (พร้อมสำเนา 1 ชุด)
- สำเนาทะเบียนบ้านของตนเองและคู่สมรส
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือใบหย่า (ถ้ามี)
- รูปถ่ายขนาด 1-2 นิ้ว จำนวน 1 รูป (ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน)
- หนังสือรับรองรายได้ตนเองและคู่สมรส หรือหนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงาน หรือสลิปเงินเดือน หรือสำเนาบัญชีเงินฝาก
- ห้ามการโอนสิทธิเช่าซื้อภายในระยะเวลา 5 ปี
- ห้ามนำอาคารไปให้บุคคลอื่นอยู่อาศัยหรือเช่าช่วง หรือหากตรวจสอบพบภายหลังมีการแจ้งคุณสมบัติที่เป็นเท็จจะถูกบอกเลิกสัญญา และริบเงินที่ชำระไว้แล้วทั้งหมด
- กรณีชำระเป็นเงินสดทั้งหมด สามารถกระทำได้ แต่จะได้รับการโอนสิทธิหลังจากครบกำหนดการเช่าซื้อ ไม่น้อยกว่า 5 ปี
- เมื่อได้สิทธิเช่าซื้อแล้ว จะต้องผ่อนชำระเงินดาวน์ในระหว่างการก่อสร้างอาคารในอัตราตามที่โครงกการกำหนด เพื่อแสดงว่าเป็นผู้มีความประสงค์จะซื้ออาคาร และมีความสามารถในการผ่อนชำระ
หลักเกณฑ์การให้สินเชื่อรายย่อยโครงการบ้านเอื้ออาทร
- วัตถุประสงค์การกู้ เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุดในโครงการ “บ้านเอื้ออาทร” ของการเคหะแห่งชาติเท่านั้น
- วงเงินให้กู้ ไม่เกิน 100% ของราคาซื้อขาย
- ระยะเวลาการกู้ ไม่เกิน 30
ที่มา/อ่านเพิ่มเติม http://www.ghbank.co.th/th/content.php?id=50
แสดงความคิดเห็น